ปิด(x)



กรอก Email ของท่านเพื่อรับ
ข่าวสารและโปรโมชั่นก่อนใคร !

สเกิร์ต ชุดแต่งรถ ชุดแต่งรอบคัน สินค้าประดับยนต์ ร้านแต่งรถ อุปกรณ์แต่งรถ ประดับยนต์

HOME Product My Account Shopping Cart Contact Us Community Site Map
ค้นหา   สินค้า: รถ:
รุ่น:
สินค้า:
โปรโมชั่นประจำเดือน
   สินค้า
แสดงสินค้าตามยี่ห้อรถ
Import Zone (ทั่วโลก)
คอร์สสอน-บริการติดตั้ง
สติกเกอร์ และ Logo
อุปกรณ์ดูแลรักษารถยนต์
อุปกรณ์ตกแต่งภายนอก
อุปกรณ์ตกแต่งภายใน
อุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ
อุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพ
เกจ์วัด-อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์
เครื่องเสียง
เสื้อ-หมวก racing
โคมไฟ - หลอดไฟ - Xenon
วิธีการสั่งซื้อ
การจัดส่งสินค้า
การรับประกันสินค้า
Webboard
FAQ
About Us
Dealer & Partner

   รับข่าวสาร e-News
 



























ข่าวสารและกิจกรรม
Mitsubishi Lancer Ralli Art แทรกกลางเพื่อคนงบน้อย


       ลูกค้าญี่ปุ่นที่ไม่ค่อยมีเงินมากพอที่จะเล่นพวกตัวแรงของสายพันธุ์ งานนี้อาจจะอิจฉาคนอเมริกันเล็กน้อย เพราะว่าที่นี่ทางมิตซูบิชิได้เปิดทางเลือกใหม่สำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อยแต่อยากแรงด้วยเวอร์ชันแรลลี่ อาร์ตของสายพันธุ์แลนเซอร์ใหม่เพื่อแทรกกลางทำตลาดระหว่างรุ่น 2,000 ซีซี กับอีโวลูชัน 10

       งานนี้เรียกว่าถูกใจกว่ารุ่นก่อนซึ่งเป็นแค่ตัวแต่ง เพราะว่ามิตซูบิชิใจปล้ำถึงกับยกอีโว 10 มาไว้ที่นี่ เพราะถอดมาทั้งเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี เทอร์โบรุ่นใหม่ แต่ลดสเปกลงมาเหลือ 235 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดลดจาก 43 กก.-ม. ลงมาอยู่ที่ 35 กก.-ม. รวมถึงยังติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อรุ่นใหม่ และเกียร์ธรรมดาแบบทวินคลัตช์ ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยระบบไฟฟ้า หรือ SST และล้อแม็กลายสวยขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 225/40R18

       สิ่งที่ต่างออกไปเห็นจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอก เพราะแม้ว่าด้านหน้าจะมีส่วนละม้ายกับหน้าตาของอีโว 10 แต่ก็ไม่ได้มาแบบเต็มยศ เพราะเปลี่ยนชุดสเกิร์ตรอบคันมาเป็นแบบธรรมดา เช่นเดียวกับภายในห้องโดยสาร ที่ดูแล้วเหมือนกับแลนเซอร์แต่งจากโรงงาน ไม่ใช่ตัวแรงอย่างสายพันธุ์อีโวลูชัน

       ราคายังไม่เคาะออกมา แต่จะมีขายเฉพาะในอเมริกาเหนือเท่านั้นในกลางปีนี้ ส่วนคนญี่ปุ่นก็คงต้องหันไปมองรุ่น Low Spec อย่างเวอร์ชัน RS แทน เพราะแม้ว่าราคาจะถูกกว่ารุ่น GSR ที่มาเต็มยศ แต่สเปกก็ยังต่ำกว่าแรลลี่ อาร์ต เวอร์ชันอยู่ดี เพราะมากับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะไม่ใช่ SST แถมเบาะข้างในก็ยังเป็นเบาะธรรมดา ไม่ใช่ Recaro รุ่นใหม่อีกต่างหาก
 
 Mercedes-Benz A-Class แต่งหน้าทาปากกระตุ้นตลาด

       ขณะที่บ้านเราเพิ่งมีโอกาสได้สัมผัสกับเอสแอลแบบไมเนอร์เชนจ์ พวงมาลัยขวาที่เปิดตัวครั้งแรกในบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ทางฝั่งเยอรมนี เมอร์เซเดส-เบนซ์กระตุ้นตลาดให้กับน้องเล็กของสายพันธุ์อย่างเอ-คลาส ด้วยรุ่นปรับโฉมทั้งตัวถัง 3 และ 5 ประตูพร้อมทางเลือกใหม่แห่งความประหยัดด้วยชุดแพ็คเกจ BlueEFFICIENCY

       สำหรับรุ่นใหม่มากับรหัส W169 เปิดตัวในปี 2004 และไม่ได้มีแค่ตัวถังแฮทช์แบ็ก 5 ประตูเท่านั้น แต่ยังเพิ่มอีกทางเลือกของความสปอร์ตด้วยรุ่น 3 ประตู นอกจากนั้นยังมีการแตกสายพันธุ์ออกมาเป็นรุ่นเอ็มพีวีที่ใช้ชื่อบี-คลาสตามออกมาด้วยในปี 2006
       
       ในด้านความเปลี่ยนแปลงของตัวรถสัมผัสได้จากด้านหน้ากับชุดไฟหน้าทรงใหม่ซึ่งถูกออกแบบให้มีลักษณะโค้งเว้ามากขึ้นเพื่อรับกับกันชนหน้าทรงใหม่ ซึ่งมีลวดลายของช่องระบายอากาศใหม่ เน้นความสปอร์ตมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนด้านท้ายแม้ว่าจะยังใช้ไฟท้ายทรงเดิม แต่จากการเปลี่ยนรูปทรงของกันชนใหม่ และการออกแบบลวดลายของเลนส์ไฟท้าย รวมถึงการปรับย้ายตำแหน่งของไฟสัญญาณต่างๆ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเพิ่มความสปอร์ตด้วยล้อแม็กลายใหม่ทั้งขนาด 15 และ 16 นิ้วขึ้นอยู่กับรุ่นเครื่องยนต์

       ส่วนห้องโดยสารหันไปเน้นที่การเลือกใช้วัสดุใหม่ในการตกแต่งเพื่อเพิ่มสัมผัสที่แปลกใหม่ โดยที่แผงมาตรวัดและแผงหน้าปัด รวมถึงพวงมาลัยแบบ 3 ก้านยังเป็นแบบเดิม
       
       นอกจากการทำตลาดด้วยเครื่องยนต์เดิมๆ แล้ว ทั้งเบนซิน A150 95 แรงม้า, A170 116 แรงม้า และ A200 193 แรงม้า ตามด้วยเทอร์โบดีเซล A160CDI 82 แรงม้า, A180CDI 109 แรงม้า และ A200CDI 140 แรงม้าแล้ว อีกประเด็นของความเปลี่ยนแปลงที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากรุ่นเดิม คือ การเน้นความประหยัดเพิ่มขึ้นภายใต้แพ็คเกจ BlueEFFICIENCY

       ถ้าเป็นรุ่นเบนซินแบบ 4 สูบอย่าง A150 หรือ A170 จะมีระบบ ECOStart/Stop ให้เลือกเป็นออพชั่น ซึ่งจะดับเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเปลี่ยนเกียร์ (ไม่ว่าจะเป็นธรรมดา หรืออัตโนมัติ) กลับมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง พร้อมกับเหยียบแป้นเบรก โดยจอดิจิตอลเล็กๆ บนแผงหน้าปัดจะแสดงเครื่องหมายการทำงานของระบบให้รับทราบ เมื่อผู้ขับปล่อยเบรก หรือเหยียบคลัตช์ เครื่องยนต์ก็จะสตาร์ทกลับมาทำงาน เหมือนกับรถยนต์ไฮบริด
       
       ระบบนี้นอกจากจะช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซพิษออกมาในระหว่างที่จอดติดไฟแดงแล้ว ยังช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้พอสมควร ประมาณ 6.5% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม อย่าง A150 มีความสิ้นเปลืองอยู่ที่ 17.2 กิโลเมตร/ลิตร
       ส่วนรุ่น 3 ประตู A160CDI เกียร์ธรรมดา จะมากับชุดแพ็คเกจของตัวถังที่มีการติดตั้งตามจุดต่างๆ เพื่อทำให้ตัวรถมีความเพรียวลม ลดแรงต้านของลมเวลาขับ ลดความสูงของตัวถังลงอีก 10 มิลลิเมตร ซึ่งเมื่อจับคู่กับเกียร์ธรรมดาแล้วมีความประหยัดเพิ่มขึ้น ด้วยตัวเลข 22.2 กิโลเมตร/ลิตร
 
       ในส่วนของเทคโนโลยีใหม่ มีการติดตั้งไฟเบรกแบบกระพริบได้เพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ที่อยู่ข้างหลังได้รับทราบ โดยระบบนี้เคยใช้อยู่ในรถยนต์รุ่นใหญ่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งระบบจะทำงานเมื่อมีการเบรกกะทันหันขณะขับด้วยความเร็วมากกว่า 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง รวมถึงยังติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบพองตัวได้ 2 ระดับมาให้ด้วย ส่วนระบบช่วยจอด หรือ Park Assist เป็นออพชั่นที่ลูกค้าต้องจ่ายเพิ่ม
       
       หลังเปิดตัวในงานที่ไลป์ซิก เมอร์เซเดส-เบนซ์มีคิวส่งเอ-คลาสลงทำตลาดในยุโรปทันที ส่วนรุ่นไฮเทคอย่าง A150 และ A170 ที่มากับระบบ EcoStart/Stop ต้องรออีกสักระยะเพราะมีคิวขายปลายปี ส่วนราคายังไม่เปิดเผย
 
 


ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
สินค้าแนะนำ

ชุดแต่งรอบคัน Lancer EX ทรง Ings1

เข็มขัด TAKATA แท้ Drift3

โลโก้ RS แท้ Jazz 2014 GK ญี่ปุ่น

สปอยเลอร์ Civic FB ทรงแนบ OEM

คิ้วไฟหน้า VIOS 2013 ABS

สเกิร์ตหน้า Benz W204 C63 AMG Black Series Carbon



ตรวจสอบสถานะ
EMS และ ไปรษณีย์ลงทะเบียน
ภายหลังฝากส่ง 24 ชั่วโมง



ตัวอย่าง  EA473124280TH



Copyright 2024© NEKKETSU racing club thailand. All rights reserved.